วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2564

11 ตัวอย่างรูปแบบกราฟ (pattern) ที่สำคัญและความหมายในการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค

รูปแบบกราฟทั้ง 11 อย่างต่อไปนี้เป็นรูปแบบที่พบเห็นและใช้กันทั่วไปอย่างแพร่หลายในการวิเคราะห์กราฟสำหรับการเทรด นี่เป็นตัวอย่างการเริ่มต้นที่ดีสำหรับการฝึกฝนวิเคราะห์ทางเทคนิคอล

1. Ascending triangle

Ascending triangle เป็นรูปแบบของกราฟสัญญาณของขาขึ้น (bullish) ที่สามเหลี่ยมมาบรรจบกัน ในการวาดรูปแบบกราฟนี้นั้นจะต้องมีเส้นแนวนอน (เส้นแนวต้าน) ที่อยู่บนแนวต้านและวาดเส้นเฉียงขึ้นจากน้อยไปมากตามแนวของแนวรับ


2. Descending triangle

ในทางตรงกันข้ามกับ Ascending triangle สำหรับ descending triangle นี้จะแสดงถึงตลาดหมี (bearish) เส้นแนวรับจะอยู่ในแนวนอน ส่วนเส้นแนวต้านจะมีลักษณะเฉียงจากบนลงล่าง รูปแบบนี้หมายถึงมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นขาลง


3. Symmetrical triangle

สำหรับ symmetrical triangle นี้ เส้นแนวโน้มทั้ง 2 เส้นจะบรรจบกันโดยมีความหมายได้ทั้ง 2 แบบคือทั้งขาขึ้นและขาลง โดยเส้นแนวรับจะวาดในแนวเฉียงขึ้นและเส้นแนวต้านจะวาดในแนวเฉียงลง และเนื่องจากผลลัพธ์อาจจะออกได้ทั้ง 2 ทิศทาง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาด



4. Pennant (ธงรูปสามเหลี่ยม)

Pennant หรือธงสามเหลี่ยม มีรูปแบบโดยเส้น 2 เส้นบรรจบกันที่ปลายธง รูปแบบนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรุนแรงมาก่อน เพื่อเป็นการพักฐานให้แข็งแกร่งและไปต่อในทิศทางเดียวกับก่อนหน้า



5. Flag (ธง)

กราฟรูปแบบธง จะมีลักษณะเป็นสีเหลี่ยมผืนผ้าเอียง โดยที่เส้นแนวรับและแนวต้านจะขนานกันจนถึงจุดที่ราคาทะลุออกมา โดยปกติแล้วราคาจะผ่านออกไปในทิศทางตรงกันข้ามกันทิศทางเทรนไลน์ 



6. Wedge (ลิ่ม)

รูปแบบลิ่ม จะเป็นการเคลื่อนไหวของราคาที่บีบแคบลงโดยราคาจะอยู่ระหว่างเส้นแนวรับและแนวต้าน โดยสามารถเป็นได้ทั้งแบบเทรนขาขึ้นและขาลง

รูปแบบลิ่มนี้จะแตกต่างจากรูปแบบสามเหลี่ยมตรงที่รูปแบบลิ่มจะไม่มีเส้นแนวรับที่เป็นแนวนอน แต่จะมีลักษณะที่เทรนไลน์ทั้ง 2 เส้นเป็นลักษณะขาลงเหมือนกันหรือขาขึ้นเหมือนกันทั้ง 2 เส้นลู่เข้าหากัน

โดยทั่วไปจุดที่ราคาหลุดออกจากเทรนจะมีทิศทางตรงข้ามกับเทรน เช่น ถ้ารูปแบบลิ่มเป็นขาลง จุดที่ราคาหลุดจากแนวโน้มจะเป็นจุดทะลุผ่านแนวต้าน แต่ถ้ารูปแบบลิ่มเป็นเทรนขาขึ้น จุดที่ราคาหลุดจากแนวโน้มจะเป็นจุดทะลุผ่านแนวรับ



7. Double bottom

รูปแบบ double bottm จะมีลักษณะคล้ายตัว "W" เป็นการแสดงถึงแนวรับที่แข็งแกร่ง 2 ครั้งที่ราคาไม่หลุดลงไปจากแนวรับได้ โดยปกติแล้วหลังจากนั้นราคาจะทะลุผ่านแนวต้านไปได้ เป็นรูปแบบของการกลับตัวของราคา



8. Double top

Double top นี้จะตรงกันข้ามกับ double bottom โดย double top จะมีลักษณะคล้ายตัว "M" เป็นการแสดงถึงราคาที่ไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านได้ถึง 2 ครั้ง ซึ่งหลังจากนั้นโดยปกติราคาจะเริ่มต้นเข้าสู่แนวโน้มขาลง



9. Head and shoulders

รูปแบบหัวและไหล่ เป็นการทำนายว่าจากแนวโน้มขาขึ้นจะกลับตัวเป็นขาลง โดยจะมีลักษณะคือมีจุดสูงสุดของราคาอยู่ตรงกลาง (หัว) และมีจุดสูงสุดรองลงมาอยู่ทั้งด้านซ้ายและขวา (ไหล่) โดยทั้งหมดมีแนวรับที่เส้นเดียวกัน ในลักษณะนี้แนวโน้มมักจะเริ่มเข้าสู่ช่วงขาลง



10. Rounding bottom

Rounding bottom หรือรูปแบบถ้วย โดยทั่วไปจะแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น โดยจุดที่ยืนยันจุดกลับตัวคือจุดที่ราคาสามารถทะลุผ่านแนวต้านไปได้

11. Cup and handle

Cup and handle นี้ก็จะคล้ายกับ rounding bottom ต่างกันตรงที่มีหูจับของถ้วยติดมาด้วย หรือก็คล้ายๆ กับ rounding bottom บวกกันรูปแบบธงหรือลิ่มเล็กๆ ติดอยู่ด้านข้าง ซึ่งหากกราฟราคาสามารถผ่านแนวต้านนี้ไปได้ก็จะเห็นทิศทางของราคาที่ชัดเจนยิ่งขึ้น




ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของรูปแบบกราฟราคาสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มอีกจำนวนมากที่มีการสังเกตและคิดค้นขึ้นมานะครับ อย่างไรก็ตาม แม้แต่กราฟเดียวกันก็สามารถตีความได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับมุมมองและประสบการของผู้อ่านกราฟครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่น่าสนใจ