วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2565

การตรวจสอบสถานะหุ้นกู้

ความกังวลในช่วงเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวกลับ หรือมีแนวโน้มจะแย่จากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) จึงห่วงว่า

บริษัทต่าง ๆ อาจจะเห็นการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้เพิ่มขึ้น แต่ทางสมาคมเห็นบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ของไทยจะใช้วิธีการไปพูดคุยกับทางเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อขอเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ เช่น ยืดชำระหนี้หุ้นกู้ออกไป ทั้งโดยที่มีการขอจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม หรือไม่จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มก็ตาม

โดยทางสมาคมจะขึ้นเครื่องหมายหุ้นกู้ลักษณะนี้ว่า Restructure: RS แต่การจะขึ้นเครื่องหมายได้จะต้องขอมติอนุมัติไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 จากผู้ถือหุ้นกู้ก่อน และผู้ถือหุ้นกู้เองจะต้องพิจารณาว่าบริษัทอาจจะไม่ได้มีเจตนาเบี้ยวหนี้ แต่ด้วยผลกระทบโควิด-19 ที่กระทบกระแสเงินสดของกิจการไม่เหมือนเดิม ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นหลายบริษัทที่ยืดชำระหนี้ออกไปก็กลับมาจ่ายคืนได้หมด จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ค่อยเห็นการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ส่วนหุ้นกู้ที่มีผิดนัดชำระหนี้จริง ทางสมาคมจะขึ้นเครื่องหมายหุ้นกู้ลักษณะนี้ว่า Default Payment: DP ซึ่งเป็นหุ้นกู้ที่มีปัญหาจริง ๆ ในเรื่องของการบริหารกิจการ

หมายเหตุ

Default Payment คือ

1.ผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นเหตุผิดนัดตามข้อกำหนดสิทธิ

2.ผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย เนื่องจากอยู่ในสภาวะพักการชำระหนี้ (Automatic stay)

3.สมาคมได้รับแจ้งจากผู้ออกตราสารหนี้ หรือผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ว่ามีเหตุผิดนัดตามข้อกำหนดสิทธิเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงเหตุผิดนัดเนื่องจาก Cross default 

ลิงค์สำหรับการตรวจสอบสถานะหุ้นกู้
https://www.thaibma.or.th/EN/BondInfo/EventSignBond/EventSignBondDetail.aspx

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2565

หุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากวิกฤติน้ำท่วม

จากการที่ปีนี้ประเทศไทยของเราประสบปัญหาน้ำท่วมเกือบจะทุกภาค หลายจังหวัดมีความเสียหายทั้งพื้นที่เกษตรและถนนหนทางเป็นวงกว้าง

เราได้รวบรวมหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์หลังจากน้ำลด ดังนี้

  1. ซ่อมแซมบ้าน
    1. HMPRO - ธุรกิจค้าปลีก โดยจำหน่ายสินค้าและให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ตกแต่ง ต่อเติม ซ่อมแซม ปรับปรุง อาคาร บ้าน และที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร (One Stop Shopping Home Center) โดยใช้ชื่อ โฮมโปร (HomePro) เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ
    2. DOHOME - ค้าปลีก ค้าส่ง และให้บริการด้านวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร
    3. COTTO - ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกปูพื้นและบุผนังเป็นธุรกิจหลัก ภายใต้เครื่องหมายการค้า COTTO, SOSUCO และ CAMPANA และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมหนองแค
    4. UMI - ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่าย- กระเบื้องโมเสก ยูเอ็มไอ - กระเบื้องเซรามิคปูพื้น ดูราเกรส - กระเบื้องเซรามิคบุผนัง ดูราเกรส ลีลา
    5. DRT - เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลังคา แผ่นผนังและฝ้า ไม้สังเคราะห์ รวมทั้งสินค้าประกอบการติดตั้งหลังคาและสินค้าโครงสร้างของบ้าน พร้อมให้บริการถอดแบบและติดตั้งหลังคา ภายใต้เครื่องหมายการค้า ตราเพชร ตราหลังคา ตราอดามัส และตราเจียระไน
    6. TOA - บริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบผิวให้กับกลุ่มผู้ใช้งานประเภทลูกค้าทั่วไป โดยแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักเป็น 2 กลุ่ม 1. ผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร 2. ผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบผิวและผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น เช่น ผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์สีที่มีความทนทานสูง และ ผลิตภัณฑ์ที่นอกเหนือจากสีทาอาคารอื่น
    7. DPAINT - ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร
  2. ซ่อมแซมถนน
    1. TASCO - บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") ได้ก่อตั้งขึ้น ตั้งแต่ ปี 2522 ปัจจุบันบริษัทฯ บริษัทย่อย กิจการร่วมค้า และ บริษัทร่วม ("กลุ่มบริษัทฯ") เป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางมะตอยสำหรับนำไปใช้ในการก่อสร้างถนน และซ่อมบำรุงผิวการจราจร ทางยกระดับ ผิวทางวิ่งขึ้นลง ของสนามบิน ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค กลุ่มบริษัทฯ ยังได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังผู้นำเข้าและผู้รับเหมาก่อสร้างและซ่อมบำรุงถนนในทวีปแอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ
  3. สินเชื่อเพื่อซ่อมแซมบ้าน เช่าซื้อรถ ลงทุนด้านการเกษตร ที่ได้ประโยชน์จากกรณีประชาชนต้องการทุนเพื่อประกอบอาชีพหลังน้ำลด
  4. หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ที่อาจจะได้กระแสจากการรักษาโรคจากน้ำท่วม

วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2565

สรุปมูลค่าการซื้อขายสุทธิสะสมตามกลุ่มนักลงทุนย้อนหลัง 1 ปี เดือน ก.ย. 2565

มูลค่าการซื้อขายสุทธิสะสมตามกลุ่มนักลงทุนย้อนหลัง 1 ปี

นับจากเดือน ต.ค. 2564 - ก.ย. 2565 พบว่านักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิ ส่วนสถาบันในประเทศเป็นผู้ขายสุทธิ

ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2565 พบว่านักลงทุนต่างประเทศเป็นผู้ซื้อสะสมย้อนหลัง 1 ปีสูงสุด

โดยสรุปการซื้อสุทธิในรอบ 1 ปีล่าสุด แบ่งออกได้ดังนี้

สถาบันในประเทศ -138,233.13 ล้านบาท

บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -80.75 ล้านบาท

นักลงทุนต่างประเทศ 149,033.18 ล้านบาท

นักลงทุนในประเทศ -10,719.30 ล้านบาท

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.set.or.th/th/market/statistics/investor-type

บทความที่น่าสนใจ